หัวข้อ :อุปกรณ์ยางอัดเเก๊ ETHYLENE
10/10/2011
, 12:26
|
|
|
วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554
รายงาน : อัดแก๊สเร่งผลผลิต …ปรากฏการณ์ช่วงยางแพง
ธรณิศวร์ พิรุณละออง ราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้เป็นฐานของการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างงดงาม แม้ว่าจะต้องเจอกับสภาพฝนตกชุกต่อเนื่องยาวนาน ทั้งยังเผชิญกับปัญหาโรคใบร่วง หน้ายางที่กรีดเป็นเชื้อรา แต่อุปสรรคเหล่านี้ดูจะลดความสำคัญลงไป ในเมื่อยางพารามีราคาสูง นั่นคือ สิ่งที่จูงใจให้เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต
ปรากฏการณ์ในแง่ของการเร่งตักตวงผลประโยชน์ ก็คือ ได้มีชาวสวนยางพาราจำนวนมาก หันมาพึ่งสารฮอร์โมนเร่งปริมาณน้ำยาง หรือที่เรียกกันว่า “อัดแก๊ส” ใต้เปลือกต้นยางพาราเพื่อกระตุ้นและเร่งสร้างปริมาณน้ำยางเพิ่มมากขึ้น 2-3 เท่าตัว โดยที่ต้นยางพาราไม่ทรุดโทรม หรือเกิดความเสียหายแต่อย่างใด
รูปแบบดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับแหล่งปลูกยางพาราในไทย หรือมีการใช้วิธีดังกล่าวอยู่บ้างเพียงแต่ไม่แพร่หลาย เนื่องจากขาดการส่งเสริมหรือให้ความรู้จากรัฐอย่างจริงจัง แต่สำหรับชาวสวนยางพาราในประเทศมาเลเซีย วิธีนี้กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากการใช้สารเร่งปริมาณน้ำยาง หรือการอัดแก๊สนี้เกิดขึ้นมานานกว่าสิบปีแล้ว
“ปรากฏการณ์อัดแก๊สในช่วงที่ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในพื้นที่ ต.ฉลุง และพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากเกษตรกรเห็นถึงจังหวะที่ยางมีราคาสูง สามารถสร้างรายได้อย่างดี ดังนั้น การพึ่งสารฮอร์โมนเร่งกระตุ้นปริมาณน้ำยางให้มากขึ้นจึงเป็นทางเลือก แม้ว่าช่วงนี้ชาวสวนยางพาราส่วนใหญ่จะเจอกับปัญหาเดียวกัน คือ เรื่องโรคใบร่วงและโรคเชื้อราหน้ายาง แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก หากฝนหยุดตกแดดออก ความชื้นหน้ายางก็จะแห้งลง การรักษาก็คงจะง่ายและหายเป็นปกติ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ” จำนงค์ เกาะยอ เกษตรกรชาวสวนยางพารา พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พนม นิยม ผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ กล่าวว่า การอัดแก๊สให้กับต้นยางจากผลการทดลองด้วยตนเอง ไม่ได้มีผลกระทบต่อต้นยางพาราจนเกิดความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งสารฮอร์โมนที่ฉีดเร่งเข้าไปใต้เปลือกต้นยางพารา ก็เป็นสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่งที่เป็นสารตัวเดียวกันที่นำมาบ่มผลไม้ให้สุก ชื่อสารแอสทีลีน
“เมื่อฉีดเร่งสารตัวนี้แล้ว ต้นยางพาราจะสามารถให้ปริมาณน้ำยางออกมามากกว่าเดิม 2-3 เท่า และไม่ทำให้น้ำยางที่ไหลออกมาแข็งตัวเร็ว เนื่องจากสารตัวนี้จะมีความเป็นด่างอยู่ เดิมทีหากไม่ฉีดสารนี้กระตุ้น น้ำยางที่ไหลออกมาจะอยู่ได้เพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะแข็งตัว แต่เมื่อฉีดอัดสารนี้เข้าไป จะทำให้ท่อน้ำยางเต่งตึง และนั่นก็คือ การที่ทำให้น้ำยางไหลนาน 13-15 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อเกษตรกรชาวสวนยางมาก”
พนม กล่าวว่า ที่สำคัญแผลที่กรีดบนหน้ายางกรีดเพียง 10 เซนติเมตรเท่านั้น ไม่ได้กรีดยาวเหมือนปกติที่กรีดกัน ดังนั้น จากการประสบความสำเร็จดังกล่าวเห็นว่า ทางภาครัฐควรจะส่งเสริมความรู้ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เหมือนกรณีที่มาเลเซีย ซึ่งชาวสวนยางใช้วิธีการเร่งของผลผลิตแบบนี้มานานแล้ว
“การอัดแก๊สนี้ ก็มีข้อจำกัด และเกษตรกรชาวสวนยางเองก็ต้องปฏิบัติตามเคร่งครัดด้วย คือ จะต้องกรีดยาง 1 วัน เว้น 2 วัน เพื่อให้ต้นยางพาราพักฟื้นในการสร้างน้ำยางขึ้นมาใหม่ จะกรีดยางทุกวันไม่ได้ เพราะต้นยางพาราจะต้องใช้ระยะเวลาสร้างน้ำยางขึ้นใหม่อย่างต่ำ ก็คือ 72 ชั่วโมง หากกรณีนี้ภาครัฐส่งเสริมจริงจัง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมหาศาล ที่สำคัญ ต้นยางพาราของเกษตรกรเอง ก็จะสามารถอยู่ได้นาน จากเดิม 25-30 ปี อาจจะอยู่นานถึง 50 ปี จนกลายเป็นมรดกตกทอดแก่คนรุ่นต่อไปที่จะยึดเป็นอาชีพสืบต่อ” ผู้ศึกษาเรื่องนี้ระบุ
“การฉีดเร่งฮอร์โมนหรืออัดแก๊สในต้นยาง ผลการวิจัยไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด ไม่ได้ทำให้ต้นยางพาราเสียหาย แต่ยางพาราที่อัดแก๊สแล้ว เกษตรกรเองจะต้องกรีดยางพาราในลักษณะวันเว้นสองวัน เพื่อให้ต้นยางพาราหยุดพัก เปิดโอกาสให้มีการสร้างน้ำยางใหม่ ไม่ควรกรีดยางพาราทุกวัน เพราะนั่นจะทำให้ต้นยางทรุดโทรมลงได้ ทั้งนี้ ข้อมูลที่ทราบเมื่ออัดแก๊สแล้วต้นยาง จะให้ปริมาณน้ำยางเพิ่มขึ้นไปจากปกติ 2-3 เท่า และการกรีดหน้ายางก็กรีดเพียงนิดเดียวไม่ได้ยาวมาก ซึ่งช่วยรักษาหน้ายางที่กรีดได้ดีด้วย” ธีรวัฒน์ เดชทองคำ ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.สงขลา เขต 1 ระบุ
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นความพยายามของเกษตรกรในการที่จะหาทางออก ต่อการเพิ่มผลผลิตยางพารา โดยมีแรงสนับสนุนที่สำคัญ ก็คือ ราคายางพาราที่กำลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง สนใจอุปกรณ์ยางอัดเเก๊สตึดต่อได้ 0860465067 สมทบ ให้คำปรืกษาเกี่ยวกับต้นยางตายหนื่ง ต้นยางไม่มีหน้ากรีด กรีดยางเเล้วไม่น้ำยางใหลออกมา ต้นยางโทรม เเละวิธีการใส่ปุ๋ย ฯลฯ |
|
|